6 เรื่องเศร้าของเมืองไทย
1.มีผู้บริหารหนุ่มคนหนึ่งไปร่วมประชุม Summer Davos Forum ที่เมืองต้าเหลียง สาธารณรัฐประชาชนจีน ซึ่งเป็นการแลกเปลี่ยนของผู้นำระดับสูงและหน่วยงานต่างๆทั่วโลก
เขาเล่าว่าผู้นำประเทศใหญ่ๆและนักลงทุนก็จะมาพูดคุยกับตัวแทนของไทยเหมือนกับประเทศอื่นๆในอาเซียน
แต่ที่ผิดปกติก็คือ…
เขาเปรียบเทียบว่าเหมือนเราเป็นผู้หญิง หนุ่มๆก็มาคุยกับเราเหมือนคุยกับสาวเวียดนาม มาเลเซีย สิงคโปร์ อินโดนีเซีย ฯลฯ
พูดคุยกันดีมาก
แต่ตอนจบ หนุ่มคนนี้ขอเบอร์ทุกคน
ยกเว้นเรา
2.ผู้ใหญ่ด้านการเงินคนหนึ่ง เล่าว่าทุกปีเขาจะพาบริษัทยักษ์ใหญ่ของเมืองไทยที่อยู่ในตลาดหุ้นไปโรดโชว์คุยกับนักลงทุนใหญ่ของโลก
เพื่อดึงดูดให้เขามาลงทุนในหุ้นบริษัทตัวเอง
แต่ปีนี้เป็นปีแรก ที่โทรไปหานักลงทุนใหญ่ๆแล้วไม่มีใครอยากนัดคุยกับเรา
เหมือนกับรู้สึกว่า …เสียเวลา
3.ผู้บริหารระดับสูงด้านการเงินอีกคนหนึ่ง เล่าว่าเขาไปเปิดสาขาที่เวียดนาม เจอคนเวียดนามทำงานแล้วตกใจ
ทุกคนขยันมาก ทำงานดึกๆแทบทุกวัน
เลิกงานแล้วไม่ยอมเลิก
หลังโควิด เรียกพนักงานที่ทำงาน work from home กลับเข้ามาทำงานที่สำนักงาน
ไม่มีใครบ่ายเบี่ยงเลย
เขาเปรียบเปรยเรื่อง “ความมุ่งมั่น“ ของคนเวียดนามว่าพนักงานส่วนใหญ่ขี่มอเตอร์ไซด์มาทำงาน
“แต่ผมเห็นสายตาของเขาตอนมองรถยนต์วิ่งผ่าน เหมือนกับจะบอกตัวเองว่าวันหนึ่งกูจะขับรถยนต์บ้าง”
4.เจ้าของบริษัทวัสดุก่อสร้างใหญ่รายหนึ่ง เล่าว่าเขาเคยมีโรงงานไมัอัดของตัวเอง แต่หลายปีที่ผ่านมาเจอ “ไม้อัดจีน” ถล่มตลาด
ทนอยู่ได้พักใหญ่ เขาก็ตัดสินใจปิดโรงงานไม้อัดเพราะสู้จีนไม่ได้
ตอนแรกโกรธ เพราะเชื่อว่าจีนทุ่มตลาด ตัดราคา
ล่าสุดมีนักลงทุนจีนมาขอซื้อที่ดินของเขาไปสร้างโรงงานไม้อัด
ยอมจ่ายเบี้ยบ้ายรายทางทุกอย่างจนต้นทุนในการก่อสร้างโรงงานของเขาสูงกว่าคนไทย
แต่พอเริ่มผลิตไม้อัด ปรากฏว่าไม้อัดที่โรงงานนี้ขายลูกค้า
ถูกกว่าที่ซื้อจากเมืองจีนอีก
เมื่อเข้าไปดูโรงงาน เขารู้เลยว่าที่ไทยสู้จีนไม่ได้ ไม่ใช่เรื่องการทุ่มตลาด
แต่เป็นเรื่องประสิทธิภาพในการผลิต
5.เจ้าของโรงงานประกอบรถอีวีรายหนึ่ง เล่าว่าเขาเคยใช้คนงานไทยประกอบรถยนต์
ตัวเลขเป๊ะๆจำไม่ได้
ประมาณว่าคนงานไทย 50 คน ประกอบรถอีวีได้เดือนละ 5 คัน
แต่ลองใช้คนจีนมาทำบ้าง
แรงงานจีน 10 คนผลิตได้เดือนละ 6 คัน
6.น้องคนหนึ่งทำธุรกิจเอสเอ็มอี เคยลองทำโฟกัสกรุ๊ปนักศึกษาจีนที่มาเรียนในเมืองไทย
เขาถามว่าทำไมเรียนจบแล้วอยากทำงานที่บ้านเรา
เธอตอบว่าข้อแรก เพราะเมืองไทยน่าอยู่
..ฟังแล้วปลื้ม
ข้อที่สอง ทำงานในเมืองไทย เธอได้เปรียบเพราะพูดภาษาจีนได้ บริษัทส่วนใหญ่ต้องการ
..มีเหตุผล
ข้อที่สาม ทำงานที่จีนการแข่งขันสูงมาก เธอสู้ไม่ได้ ถ้าทำงานที่จีนเธออยู่ระดับกลางถึงล่าง โอกาสที่จะขึ้นมาอยู่ระดับบนๆยาก
…น่าสงสาร
ข้อที่สี่ อยู่เมืองไทย ทำงานแข่งกับคนไทย
“สบายมาก”
เพราะเธอขยันกว่า
…เจ็บปวดมาก
ขอยืนยันว่าทุก “เรื่องเล่า” ได้ฟังมาจริงๆ
และเจ้าของเรื่องเล่าแต่ละคน เอ่ยชื่อแล้วคนส่วนใหญ่รู้จัก
ขอย้ำว่าทุกคนไม่ได้สนุกกับ ”เรื่องเล่า“ ของตัวเองเลย
แต่เล่าด้วย “ความเจ็บปวด”
เมืองไทยเดินมาถึงจุดนี้ได้อย่างไร?